นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท อีโค่
โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด –ตั้งอยู่เลขที่
219/2 อาคารอโศกทาวเวิอร์ส
ซอยอโศก ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร– 0105565110741 – 06564291042 – partners@ecomobi.com
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด
- บทนำ
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จํากัด (ต่อไปในนโยบายนี้เรียกว่า “บริษัท” หรือ (“อีโค่ โมบี้ ไทยแลนด์“) ได้ตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอื่นอันเกี่ยวกับท่าน (เรียกรวมกันว่า “ข้อมูล”) เพื่อให้ท่านสามารถเชื่อมั่นได้ว่า บริษัทชฯ มีความโปร่งใสและความรับผิดชอบในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
(“กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (“นโยบาย”)นี้ จึงได้ถูกจัดทำขึ้น เพื่อชี้แจงให้ท่านทราบถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย (เรียกรวมว่า “การประมวลผล”) ข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งกระทำการแทน หรือในนามลของบริษัท โดยมีเนื้อหาสำคัญดังต่อไปนี้ - ขอบเขตของการบังคับใช้นโยบาย
นโยบายนี้ใช้กับข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคล (“เจ้าของข้อมูล”) ที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทในขณะนี้ และที่อาจมี “ความสัมพันธ์” กับบริษัทในอนาคต ซึ่งประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยบริษัท เจ้าหน้าที่ของบริษัท ,
พนักงานตามสัญญา หน่วยงานทางธุรกิจ หรือรูปแบบอื่น ๆ ของหน่วยงานที่ดำเนินการโดยบริษัท และรวมถึงคู่สัญญาหรือบุคคลภายนอกที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในหรือในนามของบริษัท
อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) (“ผู้ประมวลผลข้อมูล ”) ภายใต้ผลิตภัณฑ์และบริการ เช่น เว็บไซต์ ระบบ แอปพลิเคชัน เอกสารหรือรูปแบบการบริการอื่น ๆ ที่บริษัทดูแล (รวมเรียกว่า “บริการ”) โดยความสัมพันธ์กับบริษัทตามวรรคหนึ่ง ได้แก่- ลูกค้าบุคคลธรรมดา
- เจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงาน ลูกจ้าง
- คู่ค้าและผู้ให้บริการซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา
- กรรมการ ทนายความ ผู้แทน ตัวแทน ผู้ถือหุ้น ลูกจ้าง หรือบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์ในรูปแบบเดียวกันของนิติบุคคลที่มีความสัมพันธ์กับบริษัท
- ผู้ใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท
- ผู้เข้าชมหรือใช้งานเว็บไซท์ https://th.passio.eco/
รวมทั้งระบบ แอปพลิเคชัน อุปกรณ์ หรือช่องทางการสื่อสารอื่นซึ่งควบคุมดูแลโดย บริษัท - บุคคลอื่นที่ บริษัท เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้สมัครงาน ครอบครัวของเจ้าหน้าที่ ผู้ค้ำประกัน ผู้รับประโยชน์ในกรมธรรม์ประกันภัย เป็นต้น
ข้อ 1)
ถึง 6)
เรียกรวมกันว่า “ท่าน”
นอกจากนโยบายฉบับนี้แล้ว บริษัท อาจกำหนดให้มีคำประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว (“ประกาศ”)
สำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการของ บริษัท เพื่อชี้แจงให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้ใช้บริการได้ทราบถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกประมวลผล วัตถุประสงค์และเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมายในการประมวลผล ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
ซึ่งรวมถึงสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลพึงมีในผลิตภัณฑ์หรือบริการนั้นเป็นการเฉพาะเจาะจง
ทั้งนี้ ในกรณีที่มีความขัดแย้งกันในสาระสำคัญระหว่างข้อกำหนดของประกาศเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวและนโยบายนี้ ให้ถือตามข้อกำหนดของประกาศเกี่ยวกับบริการความเป็นส่วนตัวของบริการนั้น
- คำนิยาม
- บริษัท หมายถึง อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จํากัด
- ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดา ซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
- ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ถูกบัญญัติไว้ในมาตรา 26
แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
ซึ่งได้แก่ ข้อมูลเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด - การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง การดำเนินการใด ๆ กับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เก็บรวบรวม บันทึก สำเนา จัดระเบียบ เก็บรักษา ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ใช้ กู้คืน เปิดเผย ส่งต่อ เผยแพร่ โอน รวม ลบ ทำลาย เป็นต้น
- เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
- ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้ บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการดังกล่าวไม่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
4. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวบรวม โดย บริษัทจะเก็บรวบรวม หรือได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลประเภทต่างๆ จากแหล่งดังต่อไปนี้:
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัท เก็บรวบรวมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงในช่องทางให้บริการต่าง ๆ เช่น ขั้นตอนการสมัคร ลงทะเบียน สมัครงาน ลงนามในสัญญา เอกสาร ทำแบบสำรวจหรือใช้งานผลิตภัณฑ์ บริการ หรือช่องทางให้บริการอื่นที่ควบคุมดูแลโดย บริษัท หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลติดต่อสื่อสารกับ บริษัท ณ ที่ทำการหรือผ่านช่องทางติดต่ออื่นที่ควบคุมดูแลโดย บริษัท เป็นต้น
- ข้อมูลที่ บริษัท เก็บรวบรวมจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าใช้งานเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการอื่น ๆ ตามสัญญาหรือตามพันธกิจ เช่น การติดตามพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์หรือบริการของ บริษัท ด้วยการใช้คุกกี้ (Cookies)
หรือจากซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น - ข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัท เก็บรวบรวมจากแหล่งอื่นนอกจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล โดยที่แหล่งข้อมูลดังกล่าวมีอำนาจหน้าที่ และมีเหตุผลอันชอบด้วยกฎหมาย หรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลแล้วในการเปิดเผยข้อมูลแก่ บริษัท เช่น การเชื่อมโยงบริการดิจิทัลของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการเพื่อประโยชน์สาธารณะแบบเบ็ดเสร็จแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเอง การรับข้อมูลส่วนบุคคลจากหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นในฐานะที่ บริษัท มีหน้าที่ตามพันธกิจในการดำเนินการจัดให้มีศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลกลางเพื่อสนับสนุนการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐในการให้บริการประชาชนผ่านระบบดิจิทัล รวมถึงจากความจำเป็นเพื่อให้บริการตามสัญญาที่อาจมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลส่วนบุคคลกับหน่วยงานคู่สัญญาได้
นอกจากนี้ ยังหมายความรวมถึงกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกแก่ บริษัท ดังต่อไปนี้ โดยท่านมีหน้าที่รับผิดชอบในการแจ้งรายละเอียดตามนโยบายนี้หรือประกาศของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ตามแต่กรณี โดยให้บุคคลดังกล่าวทราบ ตลอดจนขอความยินยอมจากบุคคลนั้นหากเป็นกรณีที่ต้องได้รับความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลแก่ บริษัท
ทั้งนี้ ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลที่มีความจำเป็นในการให้บริการของ บริษัท อาจเป็นผลให้ บริษัท ไม่สามารถให้บริการนั้นแก่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้ทั้งหมดหรือบางส่วน
- ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทฯ พิจารณากำหนดฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามความเหมาะสมและตามบริบทของการให้บริการ ทั้งนี้ ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทใช้ ประกอบด้วย
ฐานกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูล | รายละเอียด |
เพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือการใช้อำนาจรัฐที่บริษัท ได้รับ | เพื่อให้บริษัท สามารถใช้อำนาจรัฐและดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะตามพันธกิจ บริษัท ซึ่งกำหนดไว้ตามกฎหมาย เช่น |
เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย | เพื่อให้ บริษัท สามารถปฏิบัติตามที่กฎหมายที่ควบคุม บริษัท เช่น |
เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์อันโดยชอบด้วยกฎหมาย | เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท และของบุคคลอื่น ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวนั้นมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น เพื่อการรักษาความปลอดภัยอาคารสถานที่ของ บริษัท หรือการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อกิจการภายในของ บริษัท เป็นต้น |
เป็นการจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล | เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การให้บริการแอปพลิเคชันเพื่อเฝ้าระวังโรคระบาดตามนโยบายของรัฐบาล เป็นต้น |
เพื่อการปฏิบัติตามสัญญา | เพื่อให้ บริษัท สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือดำเนินการอันเป็นความจำเป็นต่อการเข้าทำสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท เช่น การจ้างงาน จ้างทำของ การทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือหรือสัญญาในรูปแบบอื่น เป็นต้น |
เพื่อการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ วิจัยหรือสถิติที่สำคัญ | เพื่อให้ บริษัท สามารถจัดทำหรือสนับสนุนการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์ วิจัยหรือสถิติตามที่ บริษัท อาจได้รับมอบหมาย เช่น การจัดทำทำเนียบผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ หรือคณะกรรมการ การจัดทำสถิติการใช้บริการดิจิทัลภาครัฐ หรือเอกชน งานติดตามการดำเนินนโยบายรัฐบาลดิจิทัล เป็นต้น |
ความยินยอมของท่าน | เพื่อการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในกรณีที่ บริษัท มีความจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากท่าน โดยได้มีการแจ้งวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการขอความยินยอมเช่น การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหวด้วยวัตถุประสงค์ที่ไม่เป็นไปตามข้อยกเว้นมาตรา 24 |
- ในกรณีที่ บริษัท มีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการปฏิบัติตามสัญญา การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย หรือเพื่อความจำเป็นในการเข้าทำสัญญา และหากท่านปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคล หรือคัดค้านการดำเนินการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ของกิจกรรม อาจมีผลทำให้ บริษัท ไม่สามารถดำเนินการ หรือให้บริการตามที่ท่านร้องขอได้ทั้งหมด หรือบางส่วน
- ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัท เก็บรวบรวม
บริษัท อาจเก็บรวบรวมหรือได้มาซึ่งข้อมูลดังต่อไปนี้ ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริการที่ท่านใช้ หรือบริบทความสัมพันธ์ที่ท่านมีกับบริษัท รวมถึงข้อพิจารณาอื่นที่มีผลกับการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล โดยประเภทของข้อมูลที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ เป็นเพียงกรอบการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัท เป็นการทั่วไป ทั้งนี้ เฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านใช้งานหรือมีความสัมพันธ์ด้วยเท่านั้นที่จะมีผลบังคับใช้
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล | รายละเอียดและตัวอย่าง |
ข้อมูลเฉพาะตัวบุคคล | ข้อมูลระบุชื่อเรียกของท่านหรือข้อมูลจากเอกสารราชการที่ระบุข้อมูลเฉพาะตัวของท่าน เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล ชื่อกลาง ชื่อเล่น ลายมือชื่อ เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ เลขที่ใบขับขี่ เลขที่หนังสือเดินทาง ข้อมูลทะเบียนบ้าน หมายเลขใบประกอบการ หมายเลขใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ (สำหรับแต่ละอาชีพ) หมายเลขประจำตัวผู้ประกันตน หมายเลขประกันสังคม เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคล | ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวท่าน เช่น วันเดือนปีเกิด เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก อายุ สถานภาพการสมรส สถานภาพการเกณฑ์ทหาร รูปถ่าย ภาษาพูด ข้อมูลพฤติกรรม ความชื่นชอบ ข้อมูลการเป็นบุคคลล้มละลาย ข้อมูลการเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น |
ข้อมูลสำหรับการติดต่อ | ข้อมูลเพื่อการติดต่อท่าน เช่น เบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล์ ที่อยู่ทางไปรษณีย์บ้าน ชื่อผู้ใช้งานในสังคมออนไลน์ (Facebook |
ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการศึกษา | รายละเอียดการจ้างงาน รวมถึงประวัติการทำงานและประวัติการศึกษา เช่น ประเภทการจ้างงาน อาชีพ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่ ความเชี่ยวชาญ สถานภาพใบอนุญาตทำงาน ข้อมูลบุคคลอ้างอิง หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ประวัติการดำรงตำแหน่ง ประวัติการทำงาน ข้อมูลเงินเดือน วันเริ่มงาน วันออกจากงาน ผลการประเมิน สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ พัสดุในครอบครองของผู้ปฏิบัติงาน ผลงาน หมายเลขบัญชีธนาคาร สถาบันการศึกษา วุฒิการศึกษา ผลการศึกษา วันที่สำเร็จการศึกษา เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัย | รายละเอียดเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยผู้ปฏิบัติงาน เช่น ผู้รับประกันภัย ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หมายเลขกรมธรรม์ ประเภทกรมธรรม์ วงเงินคุ้มครอง ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลมประกัน เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสังคม | ข้อมูลความสัมพันธ์ทางสังคมของท่าน เช่น สถานภาพทางการเมือง การดำรงตำแหน่งทางการเมือง การดำรงตำแหน่งกรรมการ ความสัมพันธ์กับผู้ปฏิบัติงานของบริษัท ข้อมูลการเป็นผู้มีสัญญาจ้างกับบริษัท ข้อมูลการเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการที่ทำกับบริษัท เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของบริษัท | รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของ บริษัท เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน หมายเลข PIN |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน | ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนของท่าน เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลศาสนา ข้อมูลความพิการ ข้อมูลความเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพ (ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า) ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น |
- คุกกี้
บริษัท เก็บรวบรวมและใช้คุกกี้รวมถึงเทคโนโลยีอื่นในลักษณะเดียวกันในเว็บไซต์ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของ บริษัท เช่น https://th.passio.eco/
หรือบนอุปกรณ์ของท่านตามแต่บริการที่ท่านใช้งาน ทั้งนี้ เพื่อการดำเนินการด้านความปลอดภัยในการให้บริการของ บริษัท และเพื่อให้ท่านซึ่งเป็นผู้ใช้งานได้รับความสะดวกและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานบริการของ บริษัท โดยข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปเพื่อปรับปรุงเว็บไซต์ของ บริษัท ให้ตรงกับความต้องการของท่านมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ท่านสามารถตั้งค่า หรือลบการใช้งานคุกกี้ได้ด้วยตนเองจากการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ (Web
Browser) ของท่าน - ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ และคนเสมือนไร้ความสามารถ
กรณีที่บริษัท ทราบว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมในการเก็บรวบรวม เป็นของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ บริษัท จะไม่ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้นจนกว่าจะได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
กรณีที่ บริษัท ไม่ทราบมาก่อนว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์ คนไร้ความสามารถ หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ และมาพบในภายหลังว่า บริษัท ได้เก็บรวบรวมข้อมูลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว โดยยังมิได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ หรือผู้อนุบาล หรือผู้พิทักษ์ตามแต่กรณี
บริษัท จะดำเนินการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนั้นโดยเร็ว หากบริษัท ปราศจากเหตุอันชอบด้วยกฎหมายประการอื่นนอกเหนือจากความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
- วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อวัตถุประสงค์หลายประการ โดยขึ้นอยู่กับประเภทของผลิตภัณฑ์ หรือบริการ หรือกิจกรรมที่ท่านใช้บริการ ตลอดจนลักษณะความสัมพันธ์ของท่านกับ บริษัท หรือข้อพิจารณาในแต่ละบริบทเป็นสำคัญ โดยวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัทเป็นการทั่วไป ทั้งนี้ เฉพาะวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่ท่านใช้งานหรือมีความสัมพันธ์ด้วยเท่านั้นที่จะมีผลบังคับใช้กับข้อมูลของท่าน- เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นในการดำเนินประโยชน์สาธารณะที่ บริษัท ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง หรือเป็นการจำเป็นเพื่อใช้อำนาจทางกฎหมายที่ บริษัท มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการตามพันธกิจ
ดังปรากฏในพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2561
และกฎหมาย กฎ ระเบียบ หรือคำสั่งที่เกี่ยวข้อง - เพื่อให้บริการและบริหารจัดการบริการของ บริษัท ทั้งบริการภายใต้สัญญาที่มีต่อท่าน หรือตามพันธกิจของ บริษัท
- เพื่อการดำเนินการทางธุรกรรมของบริษัท
- ควบคุมดูแล ใช้งาน ติดตาม ตรวจสอบและบริหารจัดการบริการเพื่ออำนวยความสะดวกและสอดคล้องกับความต้องการของท่าน
- เพื่อเก็บรักษาและปรับปรุงข้อมูลอันเกี่ยวกับท่าน รวมทั้งเอกสารที่มีการกล่าวอ้างถึงท่าน
- จัดทำบันทึกรายการการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายกำหนด
- วิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวกับบริการของบริษัท
- เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นในการบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการรับสมัครงาน การสรรหากรรมการ
หรือผู้ดำรงตำแหน่งต่าง ๆ และการประเมินคุณสมบัติ - ป้องกัน ตรวจจับ หลีกเลี่ยง และตรวจสอบการฉ้อโกง การละเมิดความปลอดภัย หรือการกระทำที่ต้องห้าม หรือผิดกฎหมาย และอาจเกิดความเสียหายต่อทั้งบริษัท และเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- การยืนยันตัวตน พิสูจน์ตัวตนและตรวจสอบข้อมูลเมื่อท่านสมัครใช้บริการของบริษัท หรือติดต่อใช้บริการ หรือใช้สิทธิตามกฎหมาย
- ปรับปรุง พัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการให้ทันสมัย
- การประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยง
- ส่งการแจ้งเตือน การยืนยันการทำคำสั่ง ติดต่อสื่อสารและแจ้งข่าวสารไปยังท่าน
- เพื่อจัดทำและส่งมอบเอกสารหรือข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องและจำเป็น
- ยืนยันตัวตน ป้องกันการสแปม หรือการกระทำที่ไม่ได้รับอนุญาต หรือการกระทำอันผิดกฎหมาย
- ตรวจสอบว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าถึงและใช้บริการของ บริษัท อย่างไร ทั้งในภาพรวมและรายบุคคล และเพื่อวัตถุประสงค์และการวิเคราะห์ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย
- ดำเนินการที่จำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่บริษัทมีต่อหน่วยงานที่กำกับดูแล หน่วยงานด้านภาษี การบังคับใช้กฎหมาย หรือภาระผูกพันทางกฎหมายของบริษัท
- ดำเนินการใด ๆ ที่จำเป็นเพื่อผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลอื่นหรือของนิติบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA)
- ป้องกัน หรือหยุดยั้งอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล ซึ่งรวมถึงการเฝ้าระวังโรคระบาด
- จัดเตรียมเอกสารทางประวัติศาสตร์เพื่อประโยชน์สาธารณะ การค้นคว้า หรือจัดทำสถิติที่บริษัท ได้รับมอบหมายให้ดำเนินการ
- เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมาย ประกาศ คำสั่งที่มีผลบังคับใช้ หรือการดำเนินการเกี่ยวกับคดีความ การดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลตามหมายศาล รวมถึงการใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลของท่าน
- เพื่อดำเนินการตามที่จำเป็นในการดำเนินประโยชน์สาธารณะที่ บริษัท ได้รับมอบหมายให้สำเร็จลุล่วง หรือเป็นการจำเป็นเพื่อใช้อำนาจทางกฎหมายที่ บริษัท มีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการตามพันธกิจ
- ประเภทบุคคลที่บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ภายใต้วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ในข้อ 9
ข้างต้น บริษัท อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้ ทั้งนี้ ประเภทของบุคคลผู้รับข้อมูลที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้เป็นเพียงกรอบการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัท เป็นการทั่วไป เฉพาะบุคคลผู้รับข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ท่านใช้งานหรือมีความสัมพันธ์ด้วยเท่านั้นที่จะมีผลบังคับใช้
ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล | รายละเอียดและตัวอย่าง |
ข้อมูลเฉพาะตัวบุคคล | ข้อมูลระบุชื่อเรียกของท่านหรือข้อมูลจากเอกสารราชการที่ระบุข้อมูลเฉพาะตัวของท่าน เช่น คำนำหน้าชื่อ ชื่อ นามสกุล ชื่อกลาง ชื่อเล่น ลายมือชื่อ เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ เลขที่ใบขับขี่ เลขที่หนังสือเดินทาง ข้อมูลทะเบียนบ้าน หมายเลขใบประกอบการ หมายเลขใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพ (สำหรับแต่ละอาชีพ) หมายเลขประจำตัวผู้ประกันตน หมายเลขประกันสังคม เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับคุณลักษณะของบุคคล | ข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับตัวท่าน เช่น วันเดือนปีเกิด เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก อายุ สถานภาพการสมรส สถานภาพการเกณฑ์ทหาร รูปถ่าย ภาษาพูด ข้อมูลพฤติกรรม ความชื่นชอบ ข้อมูลการเป็นบุคคลล้มละลาย ข้อมูลการเป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ เป็นต้น |
ข้อมูลสำหรับการติดต่อ | ข้อมูลเพื่อการติดต่อท่าน เช่น เบอร์โทรศัพท์บ้าน เบอร์โทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล์ ที่อยู่ทางไปรษณีย์บ้าน ชื่อผู้ใช้งานในสังคมออนไลน์ (Facebook |
ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการศึกษา | รายละเอียดการจ้างงาน รวมถึงประวัติการทำงานและประวัติการศึกษา เช่น ประเภทการจ้างงาน อาชีพ ยศ ตำแหน่ง หน้าที่ ความเชี่ยวชาญ สถานภาพใบอนุญาตทำงาน ข้อมูลบุคคลอ้างอิง หมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษี ประวัติการดำรงตำแหน่ง ประวัติการทำงาน ข้อมูลเงินเดือน วันเริ่มงาน วันออกจากงาน ผลการประเมิน สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ พัสดุในครอบครองของผู้ปฏิบัติงาน ผลงาน หมายเลขบัญชีธนาคาร สถาบันการศึกษา วุฒิการศึกษา ผลการศึกษา วันที่สำเร็จการศึกษา เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัย | รายละเอียดเกี่ยวกับกรมธรรม์ประกันภัยผู้ปฏิบัติงาน เช่น ผู้รับประกันภัย ผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ หมายเลขกรมธรรม์ ประเภทกรมธรรม์ วงเงินคุ้มครอง ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลม เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางสังคม | ข้อมูลความสัมพันธ์ทางสังคมของท่าน เช่น สถานภาพทางการเมือง การดำรงตำแหน่งทางการเมือง การดำรงตำแหน่งกรรมการ ความสัมพันธ์กับผู้ปฏิบัติงานของ บริษัท ข้อมูลการเป็นผู้มีสัญญาจ้างกับ บริษัท ข้อมูลการเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการที่ทำกับ บริษัท เป็นต้น |
ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของ บริษัท | รายละเอียดเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของ บริษัท เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้งาน รหัสผ่าน หมายเลข PIN |
ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อน | ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความละเอียดอ่อนของท่าน เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลศาสนา ข้อมูลความพิการ ข้อมูลความเห็นทางการเมือง ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลชีวภาพ (ข้อมูลภาพจำลองใบหน้า) ข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพ เป็นต้น |
- การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ
ในบางกรณีบริษัท อาจจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศเพื่อดำเนินการตามวัตถุประสงค์ในการให้บริการแก่ท่าน เช่น เพื่อส่งข้อมูลส่วนบุคคลไปยังระบบคลาวด์ (Cloud)
ที่มีแพลตฟอร์มหรือเครื่องแม่ข่าย (Server)
อยู่ต่างประเทศ (เพื่อสนับสนุนระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ตั้งอยู่นอกประเทศไทย ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับบริการของบริษัทที่ท่านใช้งานหรือมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นรายกิจกรรม อย่างไรก็ตาม ในขณะที่จัดทำนโยบายฉบับนี้ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลยังมิได้มีประกาศกำหนดรายการประเทศปลายทางที่มีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ดังนี้ เมื่อบริษัท มีความจำเป็นต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังประเทศปลายทาง บริษัท จะดำเนินการเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่ส่งหรือโอนไปมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเพียงพอตามมาตรฐานสากล หรือดำเนินการตามเงื่อนไขเพื่อให้สามารถส่งหรือโอนข้อมูลนั้นได้ตามกฎหมาย ได้แก่- เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายที่กำหนดให้บริษัท ต้องส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ
- ได้แจ้งให้ท่านทราบและได้รับความยินยอมจากท่านในกรณีที่ประเทศปลายทางมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอ ทั้งนี้ตามประกาศรายชื่อประเทศที่คณะกรรมการคุ้มครองส่วนบุคคลประกาศกำหนด
- เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านเป็นคู่สัญญากับ บริษัท หรือเป็นการทำตามคำขอของท่านก่อนการเข้าทำสัญญานั้น
- เป็นการกระทำตามสัญญาของ บริษัท กับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เพื่อประโยชน์ของท่าน
- เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือของบุคคลอื่น เมื่อท่านไม่สามารถให้ความยินยอมในขณะนั้นได้
- เป็นการจำเป็นเพื่อดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ
- ระยะเวลาในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระยะเวลาเท่าที่ข้อมูลนั้นยังมีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเท่านั้น ตามรายละเอียดที่ได้กำหนดไว้ในนโยบาย ประกาศ หรือตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ เมื่อพ้นระยะเวลาและข้อมูลส่วนบุคคลของท่านสิ้นความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ดังกล่าวแล้ว บริษัทจะทำการลบ ทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวตนได้ต่อไป ตามรูปแบบและมาตรฐานการลบทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่คณะกรรมการหรือกฎหมายจะได้ประกาศกำหนดหรือตามมาตรฐานสากล อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีข้อพิพาท การใช้สิทธิ หรือคดีความอันเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัท ขอสงวนสิทธิในการเก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปจนกว่าข้อพิพาทนั้นจะได้มีคำสั่งหรือคำพิพากษาถึงที่สุด - การให้บริการโดยบุคคลที่สามหรือผู้ให้บริการช่วง
บริษัท อาจมีการมอบหมายหรือจัดซื้อจัดจ้างบุคคลที่สาม (ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ให้ทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของ บริษัท ซึ่งบุคคลที่สามดังกล่าวอาจเสนอบริการในลักษณะต่าง ๆ เช่น การเป็นผู้ดูแล (Hosting)
รับงานบริการช่วง (Outsourcing)
หรือเป็นผู้ให้บริการคลาวด์ (Cloud
computing service/provider) หรือเป็นงานในลักษณะการจ้างทำของในรูปแบบอื่น
การมอบหมายให้บุคคลที่สามทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัท จะจัดให้มีข้อตกลงระบุสิทธิและหน้าที่ของบริษัท ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลและของบุคคลที่บริษัท มอบหมายในฐานะผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึงกำหนดรายละเอียดประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัท มอบหมายให้ประมวลผล รวมถึงวัตถุประสงค์ ขอบเขตในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลและข้อตกลงอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีหน้าที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามขอบเขตที่ระบุในข้อตกลงและตามคำสั่งของบริษัทเท่านั้น โดยไม่สามารถประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นได้
ในกรณีที่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลมีการมอบหมายผู้ให้บริการช่วง (ผู้ประมวลผลช่วง) เพื่อทำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนหรือในนามของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังนี้ บริษัท จะกำกับให้ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจัดให้มีเอกสารข้อตกลงระหว่างผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลกับผู้ประมวลผลช่วง ในรูปแบบและมาตรฐานที่ไม่ต่ำกว่าข้อตกลงระหว่าง บริษัท กับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
- การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทมีมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล โดยการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลให้สามารถเข้าถึงได้โดยเจ้าหน้าที่เฉพาะรายหรือบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่หรือได้รับมอบหมายที่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้แล้วเท่านั้น ซึ่งบุคคลดังกล่าวจะต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามมาตรการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของ บริษัท อย่างเคร่งครัด ตลอดจนมีหน้าที่รักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลที่ตนเองรับรู้จากการปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่ โดย บริษัท มีมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลทั้งในเชิงองค์กรหรือเชิงเทคนิกที่ได้มาตรฐานสากล และเป็นไปตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
นอกจากนี้ เมื่อบริษัท มีการส่ง โอนหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บุคคลที่สาม ไม่ว่าเพื่อการให้บริการตามพันธกิจ ตามสัญญา หรือข้อตกลงในรูปแบบอื่น บริษัท จะกำหนดมาตรการรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความลับที่เหมาะสมและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อยืนยันว่าข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัท เก็บรวบรวมจะมีความมั่นคงปลอดภัยอยู่เสมอ
- การเชื่อมต่อเว็บไซท์หรือบริการภายนอก
บริการของ บริษัท อาจมีการเชื่อมต่อไปยังเว็บไซท์หรือบริการของบุคคลที่สาม ซึ่งเว็บไซต์หรือบริการดังกล่าวอาจมีการประกาศนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่มีเนื้อหาสาระแตกต่างจากนโยบายนี้ บริษัท ขอแนะนำให้ท่านศึกษานโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์หรือบริการนั้น ๆ เพื่อทราบในรายละเอียดก่อนการเข้าใช้งาน ทั้งนี้ บริษัท ไม่มีความเกี่ยวข้องและไม่มีอำนาจควบคุมถึงมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ หรือบริการดังกล่าวและไม่สามารถรับผิดชอบต่อเนื้อหา นโยบาย ความเสียหาย หรือการกระทำอันเกิดจากเว็บไซต์ หรือบริการของบุคคลที่สาม - เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ กำกับและให้คำแนะนำในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงการประสานงานและให้ความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 - สิทธิของท่านตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพ.ศ.2562
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
ได้กำหนดสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไว้หลายประการ ทั้งนี้ สิทธิดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อกฎหมายในส่วนของสิทธินี้มีผลใช้บังคับ โดยรายละเอียดของสิทธิต่าง ๆ ประกอบด้วย- สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึง รับสำเนา และขอให้เปิดเผยที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ได้เก็บรวบรวมไว้โดยปราศจากความยินยอมของท่าน เว้นแต่กรณีที่บริษัท มีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านด้วยเหตุตามกฎหมาย หรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่การใช้สิทธิของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
- สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน หากท่านพบว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน หรือไม่เป็นปัจจุบัน ท่านมีสิทธิขอให้แก้ไขเพื่อให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้
- สิทธิในการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ บริษัท ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้ต่อไป ทั้งนี้ การใช้สิทธิลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลนี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
- สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัท ทำการตรวจสอบตามคำร้องขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลให้แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง สมบูรณ์และเป็นปัจจุบัน
- ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
- เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่ บริษัท ได้แจ้งในการเก็บรวบรวม แต่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลประสงค์ให้ บริษัท เก็บรักษาข้อมูลนั้นต่อไปเพื่อประกอบการใช้สิทธิตามกฎหมาย
- เมื่ออยู่ในช่วงเวลาที่บริษัทกำลังพิสูจน์ถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือตรวจสอบความจำเป็นในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อประโยชน์สาธารณะ อันเนื่องมาจากการที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ใช้สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน เว้นแต่ กรณีที่บริษัท มีเหตุในการปฏิเสธคำขอโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัท สามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท)
- สิทธิในการขอถอนความยินยอม ในกรณีที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัท ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าความยินยอมนั้นจะได้ให้ไว้ก่อนหรือหลังพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
มีผลใช้บังคับ) ท่านมีสิทธิถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรักษาโดยบริษัท เว้นแต่ มีข้อจำกัดสิทธิโดยกฎหมายให้บริษัท จำเป็นต้องเก็บรักษาข้อมูลต่อไปหรือยังคงมีสัญญาระหว่างท่านกับ บริษัท ที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ - สิทธิในการขอรับ ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิในการขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก บริษัท ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้โดยวิธีการอัตโนมัติ รวมถึงอาจขอให้ บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลรายอื่น ทั้งนี้ การใช้สิทธินี้จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนด
- โทษของการไม่ปฏิบัติตามนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
การไม่ปฏิบัติตามนโยบายอาจมีผลเป็นความผิดและถูกลงโทษทางวินัยตามกฎเกณฑ์ของ บริษัท (สำหรับเจ้าหน้าที่หรือผู้ปฏิบัติงานของ บริษัท) หรือตามข้อตกลงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (สำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล) ทั้งนี้ ตามแต่กรณีและความสัมพันธ์ที่ท่านมีต่อ บริษัท และอาจได้รับโทษตามที่กำหนดโดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
รวมทั้งกฎหมายลำดับรอง กฎ ระเบียบ คำสั่งที่เกี่ยวข้อง - การร้องเรียนต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจกำกับดูแล
ในกรณีที่ท่านพบว่าบริษัท มิได้ปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิร้องเรียนไปยังคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลที่ได้รับการแต่งตั้งโดยคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามกฎหมาย ทั้งนี้ ก่อนการร้องเรียนดังกล่าว บริษัท ขอให้ท่านโปรดติดต่อมายัง บริษัท เพื่อให้ บริษัท มีโอกาสได้รับทราบข้อเท็จจริงและได้ชี้แจงในประเด็นต่าง ๆ รวมถึงจัดการแก้ไขข้อกังวลของท่านก่อนในโอกาสแรก - การปรับปรุงแก้ไขนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล อาจพิจารณาปรับปรุง แก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ตามที่เห็นสมควร และจะทำการแจ้งให้ท่านทราบผ่านช่องทางเว็บไซต์ https://th.passio.eco/ โดยมีวันที่มีผลบังคับใช้ของแต่ละฉบับแก้ไขกำกับอยู่ อย่างไรก็ดี บริษัท ขอแนะนำให้ท่านโปรดตรวจสอบเพื่อรับทราบนโยบายฉบับใหม่อย่างสม่ำเสมอ ผ่านแอปพลิเคชั่น หรือช่องทางเฉพาะกิจกรรมที่บริษัทดำเนินการ โดยเฉพาะก่อนที่ท่านจะทำการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท
การเข้าใช้งานผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท ภายหลังการบังคับใช้นโยบายใหม่ ถือเป็นการรับทราบตามข้อตกลงในนโยบายใหม่แล้ว ทั้งนี้ โปรดหยุดการเข้าใช้งานหากท่านไม่เห็นด้วยกับรายละเอียดในนโยบายฉบับนี้และโปรดติดต่อมายังบริษัท เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
- การติดต่อสอบถามหรือใช้สิทธิ หากท่านมีข้อสงสัย ข้อเสนอแนะหรือข้อกังวลเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท หรือเกี่ยวกับนโยบายนี้ หรือท่านต้องการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถติดต่อสอบถามได้ที่
- ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data
Controller) - เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data
Protection Officer: DPO)- ชื่อ: บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
- ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล (Data
1.
สถานที่ติดต่อ: ตั้งอยู่เลขที่ 219/2 อาคารอโศกทาวเวิอร์ส
ซอยอโศก ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
- ช่องทางการติดต่อ: partners@ecomobi.com
The table shows the purposes of use and disclosure or transmission of personal data to external organizations.
วัตถุประสงค์ในการประมวลผล | ประเภทของข้อมูล | ฐานและข้อยกเว้นทางกฎหมาย | การเปิดเผย/ส่งต่อไปยังองค์กรหรือบุคคลภายนอก |
เพื่อใช้ในการยืนยันตัวตนลูกค้า สำหรับพิจารณาอนุมัติการรับเป็นลูกค้าของบริษัท เมื่อลูกค้าทำการลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีกับบริษัท (KYC) | (ก) ข้อมูลสำหรับการยืนยันตัวตน | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป | บริษัทที่รับว่าจ้างเพื่อตรวจสอบเอกสารสำหรับการทำ KYC |
เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการยืนยันตัวตนลูกค้า ก่อนการให้บริการตามที่ลูกค้าได้ร้องขอ | (ก) ข้อมูลสำหรับการยืนยันตัวตน | ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป | บริษัทที่รับว่าจ้างเพื่อการให้บริการลูกค้า (Customer Service) |
เพื่อใช้เป็นข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อกับลูกค้า เพื่อทำการเสนอบริการและการส่งข้อมูลข่าวสารตลาดที่ไม่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล | ข้อมูลการสมัครรับข่าวสารต่าง ๆ จากการทำแบบสำรวจ หรือข้อมูลการร่วมกิจกรรมต่าง ๆ | ได้รับความยินยอม | ไม่มี |
เพื่อใช้เป็นข้อมูลที่ใช้ในการติดต่อกับลูกค้า เพื่อทำการเสนอบริการและการส่งข้อมูลข่าวสารตลาดที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล | ข้อมูลสำหรับการลงทะเบียน หรือกรอกใบสมัครขอเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัทฯ | เพื่อประโยชน์อันชอบธรรม | ไม่มี |
เพื่อใช้ในการตรวจสอบและกำกับดูแลการทำรายการให้เป็นไปตามกฎหมายและนโยบายของบริษัท | (ค) ข้อมูลการเข้าใช้งานระบบ (จ) ข้อมูลสำหรับการฝากถอนเงินบาท | – เพื่อประโยชน์อันชอบธรรม | ไม่มี |
เพื่อทำแบบสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับประสบการณ์ การใช้งาน สำหรับลูกค้า | (ซ) ข้อมูลจากบันทึกการติดต่อของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทฯ ซึ่ง | ได้รับความยินยอม | ไม่มี |
การทำ profiling การวิเคราะห์ ทำสถิติต่างๆ เพื่อคาดการณ์เกี่ยวกับตัวบุคคลสำหรับบริษัทและบริษัทในเครือ | (ก) ข้อมูลสำหรับการยืนยันตัวตน | ได้รับความยินยอม | ไม่มี |
การวิเคราะห์ วิจัย ทำสถิติต่างๆ เพื่อพัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์ของบริษัท | (ก) ข้อมูลสำหรับการยืนยันตัวตน | เพื่อประโยชน์อันชอบธรรม | ไม่มี |
การส่งข้อมูลลูกค้าไปยังบริษัทในเครือ | (ก) ข้อมูลสำหรับการยืนยันตัวตน (เฉพาะชื่อนาม-สกุล) | ได้รับความยินยอม | บริษัทในกลุ่มเครือ |
PDPA – Wording For Web Forms
Must appear before the Send Message or Submit button
เราขออนุญาติจากคุณในการรวบรวม ตรวจสอบ และประมวลผลข้อมูลที่คุณให้มา เพื่อวัตถุประสงค์สำหรับเพื่อใช้ในการตอบกลับคำถามของคุณ หรือเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหัวข้อที่คุณระบุหรือผลิตภัณฑ์ที่เลือก การคลิกปุ่มส่งข้อความด้านล่างแสดงว่าคุณยืนยันว่าคุณอนุญาตให้เรารวบรวม ประมวลผล และใช้ข้อมูลที่คุณให้มา และคุณได้อ่านนโยบายการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล[AG1] ของเราแล้ว ทั้งนี้เมื่อคุณคลิกที่ปุ่ม ส่งข้อความ แสดงว่าคุณตกลงที่จะรับการตอบกลับจากเรา
เรื่อง: แจ้งการประกาศใช้นโยบายความเป็นส่วนตัว
เรียน ท่านลูกค้า
ตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล ตระหนักถึงความสำคัญของความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน จึงได้จัดทำและประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อให้ท่านได้รับทราบนโยบายของบริษัทเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โดยท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทได้ที่นี่ LINK TO POLICY
ในกรณีที่ท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัว หรือท่านมีความประสงค์ที่จะใช้สิทธิที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ท่านสามารถใช้สิทธิผ่านศูนย์บริการลูกค้าของบริษัท ได้ที่:
โทรศัพท์หมายเลข: 06564291042
เว็บไซต์: https://th.passio.eco/
และสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทได้ที่: dpo@companyemail.com
บริษัทขอขอบคุณท่านที่ให้การสนับสนุนเรามาโดยตลอด
เรื่อง: ประกาศความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคล
เรียน (คุณควรปรับแต่ง)
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีผลบังคับใช้อย่างสมบูรณ์เมื่อ วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ในฐานะองค์กรที่รวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า เข้าใจถึงความสำคัญและจะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติอย่างเต็มที่ [ชื่อบริษัท] โดยได้กำหนดนโยบายการปกป้องข้อมูลไว้ภายใน และจะให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกป้องข้อมูลแก่ทั้งองค์กรของเรา และยังคงกำหนดขอบเขตความปลอดภัยสำหรับการรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติฯต่อไป
เนื่องจากคุณเป็นลูกค้า/ลูกค้าปัจจุบันของ [ชื่อบริษัท] และเรามีข้อมูลส่วนบุคคลของคุณอยู่ในไฟล์แล้ว เราขอให้คุณยืนยันว่าคุณยินยอมให้เรารวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลที่เรามีอย่างเต็มใจ คุณไม่จำเป็นต้องตอบกลับอีเมลนี้ เว้นแต่คุณต้องการใช้สิทธิ์ของคุณ กล่าวคือ; คัดค้านการรวบรวมข้อมูลของคุณ ขอสำเนาข้อมูล ลบข้อมูล หรือไม่เปิดเผยข้อมูล
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมดังกล่าวเกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวในการปกป้องข้อมูลของเรา หรือหากคุณมีคำถามใดๆ ที่เกี่ยวกับนโยบายความเป็นส่วนตัวในการปกป้องข้อมูลของเรา หรือหากคุณต้องการใช้สิทธิ์ของคุณที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลของบริษัท บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด – อีเมล dpo@yourcompany.com
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
ความมุ่งมั่นในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท อีโค่
โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด เป็น
“นิติบุคคล” ที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย
ความเป็นส่วนตัวของคุณมีความสำคัญมากสำหรับเรา ด้วยเหตุนี้
เราจึงได้พัฒนานโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์นี้
ซึ่งสอดคล้องกับกฎหมายไทย พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
พ.ศ. 2562 เพื่อให้คุณเข้าใจว่าเราเป็นใคร
เรารวบรวม สื่อสาร และเปิดเผยอย่างไร รวมทั้งการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล ต่อไปนี้เป็นโครงสร้างนโยบายของเรา
1.
ก่อนหรือในขณะที่รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
เราจะระบุวัตถุประสงค์ในการรวบรวมข้อมูล
2.
เราจะรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของคุณโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้โดยเราและเพื่อวัตถุประสงค์ที่เข้ากันได้อื่น
ๆ เท่านั้น
3.
เราจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์เหล่านั้น
4.
เราจะรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวิธีการที่ถูกต้องตามกฎหมายและยุติธรรม
และตามความเหมาะสม ด้วยความรู้หรือความยินยอมของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
5.
ข้อมูลส่วนบุคคลควรมีความเกี่ยวข้องกับวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
และในขอบเขตที่จำเป็นสำหรับวัตถุประสงค์เหล่านั้น ควรมีความถูกต้อง ครบถ้วน
และเป็นปัจจุบัน
6.
เราจะปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลด้วยการป้องกันความปลอดภัยที่เหมาะสมจากการสูญหายหรือการโจรกรรม
ตลอดจนการเข้าถึง เปิดเผย คัดลอก ใช้หรือแก้ไขโดยไม่ได้รับอนุญาต
7.
เราจะจัดเตรียมข้อมูลให้กับลูกค้าเกี่ยวกับนโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล
เรามีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจของเราตามหลักการเหล่านี้เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลได้รับการคุ้มครองและดูแลรักษา
พวกเราคือใคร
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด เป็นเจ้าของและดำเนินการเว็บไซต์ที่ตั้งอยู่
ซึ่ง https://th.passio.eco/ต่อไปนี้คือพวกเรา/เรา
(ไม่ว่าจะใช้ตัวพิมพ์ใหญ่หรือไม่ก็ตาม) [โปรดให้ข้อมูลเพิ่มเติมหากคุณต้องการ]
คำจำกัดความ
ข้อมูลส่วนบุคคล –
ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเจ้าของข้อมูลที่ระบุหรือระบุตัวได้
การประมวลผลข้อมูล –
การดำเนินการหรือชุดของการดำเนินการใดๆ
ที่ดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลหรือชุดของข้อมูลส่วนบุคคล
ผู้ประมวลผลข้อมูล – บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด
ผู้ควบคุมข้อมูล – บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด
เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล – บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด
เจ้าของข้อมูล –
บุคคลธรรมดาที่มีการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
เด็ก
– บุคคลธรรมดาอายุต่ำกว่า 16 ปี
เรารวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลใดและทำไมเราจึงรวบรวม
1. แบบฟอร์ม:
เมื่อสั่งซื้อบนเว็บไซต์ของเรา
คุณอาจถูกขอให้ป้อนชื่อนามสกุล ที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ ประเทศ
ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน หรือรายละเอียดอื่น ๆ เพื่อช่วยให้คุณมีประสบการณ์
ข้อมูลนี้ถูกเก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการที่เราได้อธิบายไว้เท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ในการประมวลผลธุรกรรมที่คุณทำบนเว็บไซต์ของเรา
หรือสำหรับความต้องการด้านการบริหารและการบัญชีที่เราอาจต้องจัดหาให้กับรัฐบาล
เราไม่รวบรวมหรือจัดเก็บข้อมูลบัตรเครดิต
การประมวลผลบัตรเครดิตได้รับการจัดการโดยผู้ให้บริการรับชำระเงินของเรา บริษัท ชัย
ไทย คอร์ปอเรชั่น จํากัด
เมื่อคุณส่งคำถามหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม
เราจะรวบรวมเฉพาะชื่อ นามสกุล ที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ หัวข้อคำถาม
และข้อความของคุณถึงเราเท่านั้น
เพื่อให้เราสามารถโต้ตอบและตอบคำถามหรือข้อกังวลของคุณได้
2. Google Analytics:
เราใช้ Google
Analytics เพื่อติดตามผู้เยี่ยมชมไซต์นี้
Google Analytics ใช้คุกกี้เพื่อรวบรวมข้อมูลนี้ เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับใหม่
Google ได้รวมการแก้ไขการประมวลผลข้อมูล
ข้อมูลที่เรารวบรวมจะได้รับการประมวลผลโดยไม่เปิดเผยตัวตนและ
“การแบ่งปันข้อมูล” จะถูกปิดใช้งาน เราไม่ใช้บริการอื่นๆ ของ Google
ร่วมกับคุกกี้ Google
Analytics
3. ระบุแหล่งที่มาอื่นๆ:
นโยบายคุกกี้
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ใช้คุกกี้เพื่อปรับแต่งเนื้อหา
เพื่อมอบคุณสมบัติโซเชียลมีเดีย และเพื่อวิเคราะห์การเข้าชมของเรา
เรายังแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของคุณกับโซเชียลมีเดียของเรา
และพันธมิตรด้านการวิเคราะห์ที่อาจรวมเข้ากับข้อมูลอื่น ๆ
ที่คุณมอบให้พวกเขาหรือที่พวกเขาได้รวบรวมจากการใช้บริการของคุณ
คุกกี้คือไฟล์ข้อความขนาดเล็กที่เว็บไซต์สามารถใช้เพื่อทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
กฎหมายระบุว่าเราสามารถจัดเก็บคุกกี้บนอุปกรณ์ของคุณได้หากมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการทำงานของเว็บไซต์นี้
สำหรับคุกกี้ประเภทอื่นๆ ทั้งหมด เราต้องได้รับอนุญาตจากคุณ
เว็บไซต์ของเราใช้คุกกี้ประเภทต่างๆ
คุกกี้บางตัวถูกวางโดยบริการของบุคคลที่สามที่ปรากฏบนหน้าเว็บของเรา
คุณสามารถเปลี่ยนหรือเพิกถอนความยินยอมจากประกาศเกี่ยวกับคุกกี้บนเว็บไซต์ของเราได้ตลอดเวลา
เนื้อหาที่ฝังตัว
เนื้อหาในเว็บไซต์นี้อาจรวมถึงเนื้อหาที่ฝังอยู่
(เช่น วิดีโอ รูปภาพ บทความ ฯลฯ)
เนื้อหาที่ฝังจากเว็บไซต์อื่นมีลักษณะเหมือนกับว่าผู้เยี่ยมชมได้เยี่ยมชมเว็บไซต์อื่น
เว็บไซต์เหล่านี้อาจเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับคุณ ใช้คุกกี้
ฝังการติดตามบุคคลที่สามเพิ่มเติม
และตรวจสอบการโต้ตอบของคุณกับเนื้อหาที่ฝังตัวนั้น
รวมถึงการติดตามการโต้ตอบของคุณกับเนื้อหาที่ฝังไว้
หากคุณมีบัญชีและลงชื่อเข้าใช้เว็บไซต์นั้น
เราเก็บรักษาข้อมูลของคุณไว้นานแค่ไหน
หากคุณกรอกแบบฟอร์มการติดต่อของเรา
เนื้อหาและข้อมูลเมตาจะถูกเก็บไว้อย่างไม่มีกำหนด
เพื่อให้เราสามารถรับรู้และอนุมัติการสื่อสารติดตามผลใดๆ กับคุณ
เรายังจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่คุณให้ไว้ในโปรไฟล์ผู้ใช้
เราใช้ข้อมูลนี้เพื่อตอบคำถามหรือข้อกังวลของคุณและเพื่อถ่ายทอดข้อมูลที่คุณต้องการ
เฉพาะผู้ดูแลเว็บไซต์ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นที่สามารถดูและแก้ไขข้อมูลนั้นได้
สิทธิของเจ้าของข้อมูล (คุณ)
เจ้าของข้อมูลมีสิทธิ์ร้องขอการเข้าถึงและรับสำเนาของข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเขาหรือเธอ
ซึ่งอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของผู้ควบคุมข้อมูล
หรือขอให้เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับโดยไม่ได้รับความยินยอมจากเขาหรือเธอ
ผู้ควบคุมข้อมูลจะต้องดำเนินการตามคำขอโดยไม่ชักช้า
แต่จะต้องไม่เกิน 30 วันนับจากวันที่ได้รับคำขอดังกล่าว
ผู้ควบคุมข้อมูลสามารถปฏิเสธคำขอได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตตามกฎหมายหรือตามคำสั่งศาล
และการเข้าถึงและการได้รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะส่งผลเสียต่อสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่น
เจ้าของข้อมูลมีสิทธิที่จะร้องขอจากผู้ควบคุมข้อมูล
ให้ลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล
หรือปิดบังข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตนซึ่งไม่สามารถระบุเจ้าของข้อมูลได้
โดยมีเหตุผลดังต่อไปนี้:
1. ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไปเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ในการรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว
2. เจ้าของข้อมูลเพิกถอนความยินยอมซึ่งการรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยขึ้นอยู่กับ และในกรณีที่ผู้ควบคุมข้อมูลไม่มีเหตุทางกฎหมายสำหรับการเก็บรวบรวม
ใช้ หรือเปิดเผยดังกล่าว
3. เมื่อเจ้าของข้อมูลคัดค้านข้อมูลส่วนบุคคลที่รวบรวมโดยไม่ได้รับความยินยอมภายใต้ข้อยกเว้นตามข้อกำหนดความยินยอมตามมาตรา
26 (4) (5)) และผู้ควบคุมข้อมูลไม่สามารถพิสูจน์ข้อยกเว้นของการยกเว้นดังกล่าวได้
(ที่กล่าวถึงข้างต้น)
4. ข้อมูลส่วนบุคคลถูกรวบรวม ใช้
หรือเปิดเผยอย่างผิดกฎหมายภายใต้กฎหมายนี้
คุณสามารถส่งคำขอเพื่อลบได้ตลอดเวลาที่:
dpo@yourcompany.com
ความปลอดภัย
เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ
เราใช้มาตรการป้องกันที่เหมาะสมและปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม
เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่สูญหาย นำไปใช้ในทางที่ผิด เข้าถึง เปิดเผย เปลี่ยนแปลง
หรือทำลายอย่างไม่เหมาะสม หากคุณให้ข้อมูลบัตรเครดิตแก่เว็บไซต์นี้
ข้อมูลจะถูกประมวลผลโดย[ชื่อผู้ให้บริการชำระเงิน]
ผู้ให้บริการช่องทางการชำระเงินของเรา พวกเขาเข้ารหัสข้อมูลของคุณโดยใช้เทคโนโลยี Secure
Socket Layer (SSL) และจัดเก็บด้วยการเข้ารหัส AES-256
แม้ว่าจะไม่มีวิธีใดในการส่งผ่านอินเทอร์เน็ตหรือที่เก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่ปลอดภัย
100% แต่ก็ปฏิบัติตามข้อกำหนด PCI-DSS ทั้งหมดและใช้มาตรฐานอุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป
การเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์นี้
เราขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไขนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ได้ทุกเมื่อ
ดังนั้นโปรดตรวจสอบบ่อยๆ การเปลี่ยนแปลงและการชี้แจงจะมีผลทันทีที่โพสต์บนเว็บไซต์
หากเราทำการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในนโยบายนี้
เราจะแจ้งให้คุณทราบที่นี่ว่าได้รับการปรับปรุงแล้ว
เพื่อให้คุณทราบว่าข้อมูลใดที่เรารวบรวม เราใช้ข้อมูลอย่างไร และภายใต้สถานการณ์ใด
หากมีเราใช้และ/หรือเปิดเผยมัน.
ความยินยอมของคุณ
การใช้เว็บไซต์ของเราต่อไปแสดงว่าคุณยินยอมให้เราติดตามการเยี่ยมชมของคุณโดยไม่ระบุชื่อ
เราไม่มีรายละเอียดส่วนบุคคลของคุณในขณะนี้
หากคุณไม่ต้องการถูกติดตามโดยไม่ระบุตัวตน เพียงแค่ปิดเบราว์เซอร์ของคุณหรือไปที่เว็บไซต์อื่น
ข้อมูลติดต่อ
หากคุณมีคำถาม คุณสามารถติดต่อเราได้ที่: info@ecomobi.com หรือเยี่ยมชมเราได้ที่ ตั้งอยู่เลขที่ 219/2 อาคารอโศกทาวเวิอร์ส ซอยอโศก ถนนสุขุมวิท แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร หรือโทรหาเราที่ 06564291042
ขอขอบคุณสำหรับการติดต่อ [ชื่อบริษัท] ก่อนที่เราจะเริ่มต้นให้บริการใดๆ แก่ท่าน ทางเราขอแจ้งให้ท่านทราบว่า บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้พยายามที่จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือ PDPA 100% และด้วยเหตุนี้ เราจึงขออนุญาตจากท่านในการบันทึกการสนทนานี้และ แนะนำท่านว่าเราจะรวบรวม ตรวจสอบ และประมวลผลข้อมูลใด ๆ ที่ท่านจะให้เราเพื่อวัตถุประสงค์ในการปรับแต่งคำตอบสำหรับคำถามของท่าน หรือเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านระบุไว้หรือผลิตภัณฑ์ที่เลือก ทางเราได้รับอนุญาตจากท่านหรือไม่?
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้รับหรือกำลังตอบกลับคำถามทางอีเมลโดยตรงจากท่าน ซึ่งหมายความว่าท่านยินยอมให้เราติดต่อกับท่าน ด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่ท่านยินยอมให้ บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ใช้ จัดเก็บ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ลบข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้ตลอดเวลา หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของเรา โปรดติดต่อ บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา https://th.passio.eco/
หนังสือให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
ตามที่ได้ลงลายมือชื่อทางด้านล่าง ข้าพเจ้า ชื่อพนักงาน (“ลูกจ้าง”) รับรองว่า ข้าพเจ้าได้รับนโยบายความเป็นส่วนตัวของ บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด (“นายจ้าง”) และข้าพเจ้าขอยืนยันด้วยว่า
ข้าพเจ้าได้อ่านและทำความเข้าใจข้อกำหนดทั้งหมดของนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งให้รายละเอียดและข้อมูลเกี่ยวกับการรวบรวม การใช้ การเปิดเผย และการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า (ซึ่งต่อไปในสัญญาเรียกรวมกันว่า “กระบวนการ”, “การประมวลผลข้อมูล”, “ผลการประมวลข้อมูล”) โดยหมวดหมู่ของข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าที่จะใช้ในสถานการณ์ที่ข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามภาระผูกพันทางกฎหมายหรือตามสัญญา
หรือจำเป็นสำหรับการสรุปสัญญา และผลที่ตามมาของความล้มเหลวในการให้ข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าในสถานการณ์เหล่านั้น
ระยะเวลาการเก็บรักษาที่เกี่ยวข้อง ประเภทของบุคคลและ/หรือนิติบุคคลที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า
รายละเอียดการติดต่อสำหรับนายจ้างและเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูล และสิทธิ์ในข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า
นโยบายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลของบริษัทยังรวมถึงหลักการสำคัญดังต่อไปนี้
เพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
นายจ้างขอความยินยอมจากข้าพเจ้าในการรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าภายใต้สัญญาจ้าง
และไม่จำกัดเพียง ชื่อ เบอร์ติดต่อ หมายเลขบัตรประจำตัว การตรวจสุขภาพ ข้อมูลครอบครัวส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการและผลประโยชน์
ที่อยู่ทางไปรษณีย์/อีเมล เพื่อรักษาทะเบียนลูกจ้างและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่องค์กรในเครือของนายจ้างในกรณีที่จำเป็น
นายจ้างจะรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของ เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนการจ้างงานของบริษัท
เช่น การว่าจ้าง การปฐมนิเทศ และกิจกรรมต่างๆ เช่น งานอีเวนต์ สัมมนา เวิร์กช็อป การประชุม
และโปรแกรมการฝึกอบรมที่จัดโดยนายจ้างและองค์กรในเครือที่อาจเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้า
นายจ้างจะโอนข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าไปยังบุคคลภายนอกที่เกี่ยวข้องสำหรับกระบวนการจ้างงาน
เช่น เงินเดือน งานกิจกรรม หรือหน้าที่อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
นายจ้างเคารพความเป็นส่วนตัวของข้าพเจ้าและรับรองกับข้าพเจ้าว่าข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าจะถูกเก็บไว้อย่างปลอดภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ในบทบาทของข้าพเจ้าในฐานะพนักงานของบริษัท
ข้าพเจ้ารับทราบว่าข้าพเจ้าอาจสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามได้ เช่น
พนักงานคนอื่นๆ ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้า และลูกค้า ข้าพเจ้าต้องทำทุกอย่างอย่างเต็มความสามารถเพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลนี้
ข้าพเจ้าได้รับอนุญาตให้รวบรวม ใช้ เปิดเผย และประมวลผลข้อมูลเหล่านี้ แต่ข้าพเจ้าต้องทำภายใต้ตามหลักเกณฑ์ของนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท
และข้าพเจ้าไม่สามารถใช้ ขาย หรือส่งข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้าพเจ้าได้รับมาเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของข้าพเจ้าได้
ดังนั้น ข้าพเจ้าสามารถรวบรวม ใช้ เปิดเผย และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ได้ตามหน้าที่งานของข้าพเจ้าเท่านั้น
ข้าพเจ้าเข้าใจและรับทราบว่านายจ้างอาจรวบรวมสำเนาบัตรประจำตัวของข้าพเจ้าซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน
ได้แก่ ศาสนาและ/หรือกรุ๊ปเลือด ดังนั้น ข้าพเจ้ายินยอมอย่างชัดแจ้งในการใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของข้าพเจ้า ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท
ข้าพเจ้าเข้าใจและรับทราบว่า ในระหว่างที่ข้าพเจ้าทำงานกับนายจ้าง นายจ้างอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับสุขภาพซึ่งเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของข้าพเจ้า เพื่อให้การประกันสุขภาพ สวัสดิการ
และ/หรือเงินชดเชยทางการแพทย์ ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง บันทึกสุขภาพ เวชระเบียน
และใบรับรองแพทย์ ดังนั้น ข้าพเจ้ายินยอมให้ใช้บันทึกสุขภาพ เวชระเบียน และใบรับรองแพทย์ของข้าพเจ้าเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นและวัตถุประสงค์อื่นใดที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท
ข้าพเจ้าเข้าใจและรับทราบว่าในระหว่างระยะเวลาของการจ้างงานของข้าพเจ้ากับนายจ้าง อาจมีการบันทึกและใช้ภาพถ่าย เสียง และ/หรือวิดีโอของข้าพเจ้า เมื่อข้าพเจ้าได้เข้าร่วมการประชุม สัมมนา และ/หรือการประชุมเชิงปฏิบัติการ หรือเมื่อข้าพเจ้าเข้าร่วมในกิจกรรมใดๆ ซึ่งอาจรวมถึงการตีพิมพ์ข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า รวมถึงรูปถ่ายบนอินเทอร์เน็ต เว็บไซต์ของนายจ้าง หรือแหล่งข้อมูลสาธารณะอื่นๆ
ทั้งทางออนไลน์หรือออฟไลน์ เพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท
ข้าพเจ้าเข้าใจและรับทราบว่า นายจ้างอาจถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าออกนอกประเทศไทยเพื่อวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท
เนื่องจากประเทศปลายทางที่ข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าอาจถูกโอนและไปอาจไม่ได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในระดับที่เพียงพอตามที่บังคับเสมอไป
ตามกฎหมายในประเทศไทย ดังนั้น ในกรณีที่การถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าข้ามพรมแดนอาศัยความยินยอมเป็นพื้นฐานทางกฎหมาย ข้าพเจ้าขอยินยอมให้นายจ้างโอนข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้าเพื่อวัตถุประสงค์ที่กล่าวถึงข้างต้นและเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใดที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัท
ข้าพเจ้ายืนยันว่าข้าพเจ้าได้อ่านและเข้าใจหนังสือให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของนายจ้างแล้ว และข้าพเจ้ามีความยินยอมให้นายจ้างใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของข้าพเจ้า
ก) บริษัท
อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด รับทราบว่าในการปฏิบัติตามภาระหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงนี้
อาจมีการครอบครองข้อมูลส่วนบุคคลบางอย่างตามที่กำหนดไว้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศไทย
พ.ศ. 2562 (2019) (“PDPA”) บริษัท อีโค่
โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด อาจต้องการข้อมูลส่วนบุคคลนี้เพื่อให้บริการตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงนี้
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ขอรับรองว่า
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด และบุคลากรของบริษัทจะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของ
PDPA อย่างเต็มที่ในการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวทั้งหมด
และจะแจ้งให้ท่านทราบถึงสิ่งผิดปกติหรือกิจกรรมหรือเหตุการณ์ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด
หากเห็นว่าเหมาะสมที่จะทำเช่นนั้น ลายเซ็นของท่านในส่วนการยอมรับของลูกค้าด้านล่างคือความยินยอมและการยอมรับข้อนี้ของท่าน
ท่านจะต้องรับผิดชอบในการขอแบบฟอร์มยินยอมที่ลงนามจากเจ้าของข้อมูลที่เกี่ยวข้องหาก
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ต้องการข้อมูลนี้เพื่อดำเนินการบริการที่กล่าวถึงในข้อตกลงการมีส่วนร่วมนี้
ท่านยังยินยอมอย่างเต็มที่ ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลใด ๆ แก่เรา ที่เราร้องขอเพื่อดำเนินการบริการที่กล่าวถึงในข้อตกลงการมีส่วนร่วมนี้
ข้อมูลส่วนบุคคลจะไม่ถูกเปิดเผยต่อบุคคลที่สาม
เว้นแต่บุคคลภายนอกจะร้องขอข้อมูลด้วยคำสั่งศาล เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลของ บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด คือ บริษัท บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด, dpo@ecomobi.com.
ข้อกำหนดและเงื่อนไข
– การใช้เว็บไซต์ของเรา
กรุณาอ่านและตรวจสอบข้อกำหนดอย่างรอบคอบ
ทั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณได้เข้าใจข้อกำหนดการใช้งานของเราอย่างรอบคอบก่อนที่จะดาวน์โหลด
หรือมีการใช้เนื้อหาใดๆ จากเว็บไซต์นี้ ซึ่งเป็นเจ้าของโดย บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด เมื่อเข้าสู่ไซต์นี้
คุณยินยอมที่จะผูกพันตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของ ใช้
กฎหมายและข้อบังคับที่บังคับใช้ทั้งหมด และยินยอมว่าคุณมีหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่นที่บังคับใช้
หากคุณไม่เห็นด้วยกับข้อกำหนดใด ๆ ดังกล่าว คุณจะถูกห้ามมิให้เข้าถึงไซต์นี้
ข้อจำกัดความรับผิดชอบและการจำกัดความรับผิด
เอกสารบนเว็บไซต์
https://th.passio.eco/ มีให้ “ตามสภาพ” บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ดำเนินการเว็บไซต์ https://th.passio.eco/ ไม่รับประกัน
ไม่ว่าโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย และขอปฏิเสธและปฏิเสธการรับประกันอื่น ๆ ทั้งหมด
ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการรับประกันโดยนัยหรือเงื่อนไขของความสามารถในการซื้อขาย
ความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ หรือการไม่ละเมิด
ของทรัพย์สินทางปัญญาหรือการละเมิดสิทธิอื่นๆ นอกจากนี้ บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด ที่ดำเนินการเว็บไซต์
https://th.passio.eco/ ไม่รับประกันหรือรับรองใด ๆ เกี่ยวกับความถูกต้อง
ผลลัพธ์ที่น่าจะเป็นไปได้ หรือความน่าเชื่อถือของการใช้เนื้อหาบนเว็บไซต์หรืออื่น
ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาดังกล่าวหรือบนไซต์ใด ๆ ที่เชื่อมโยง ไปยังไซต์นี้
ภายใต้พฤติการณ์ใดๆ บริษัท อีโค่
โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ดำเนินการเว็บไซต์
https://th.passio.eco/ จะต้องรับผิดต่อความเสียหายทางตรง
ทางอ้อม เหตุสุดวิสัย โดยบังเอิญ หรือเป็นผลสืบเนื่องใดๆ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง
การสูญเสียข้อมูลหรือผลกำไรที่เกิดขึ้นจาก
หรือการไม่สามารถใช้ได้เนื้อหาบนเว็บไซต์นี้ แม้ว่า บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด ที่ใช้งานเว็บไซต์ https://th.passio.eco/ หรือตัวแทนที่ได้รับอนุญาตได้รับแจ้งถึงความเป็นไปได้ของความเสียหายดังกล่าวแล้ว
หากการใช้วัสดุของคุณจากเว็บไซต์นี้ส่งผลให้เกิดความจำเป็นในการบริการ การซ่อมแซม
หรือการแก้ไขอุปกรณ์หรือข้อมูล คุณจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายดังกล่าว
การชำระเงินและการจัดส่ง
การชำระเงินทั้งหมดสำหรับการสั่งซื้อของเราจะได้รับการประมวลผลอย่างปลอดภัยโดย
บริษัท ชัย ไทย
คอร์ปอเรชั่น จํากัดพันธมิตรด้านการประมวลผลบัตรเครดิตออนไลน์ของเรา
บริษัท อีโค่
โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ไม่ได้จัดการหรือเข้าถึงข้อมูลบัตรเครดิตของคุณ
หลังจากที่การชำระเงินของคุณเสร็จสมบูรณ์และเราได้รับเงินแล้ว คุณจะสามารถเข้าถึง
ผลิตภัณฑ์ดิจิทัล ที่คุณซื้อได้ทันที
นโยบายการคืนเงินและการยกเลิก
1.
เงื่อนไขการขอคืน/ขอคืนเงิน
ผู้ซื้อตกลงว่าผู้ซื้ออาจร้องขอให้ผู้ขายคืน/คืนเงินได้เฉพาะในกรณีต่อไปนี้:
ก. ผู้ซื้อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว แต่
(1) ไม่ได้รับสินค้าในฐานะผู้รับสิทธิ์
หรือ (2) ไม่ได้รับสินค้าทั้งหมดในคำสั่งซื้อ
ข.
สินค้ามีข้อบกพร่องหรือมีปัญหาทางเทคนิค
ค. ผู้ขายส่งสินค้าให้ผู้ซื้อผิด
ง. ผู้ขายตกลงให้ผู้ซื้อ
ผู้ซื้ออาจยื่นคำขอคืน/คืนเงินพร้อมกับหลักฐานเพื่อขอคืน/คืนเงินภายใน
7 วัน นับจากเวลาที่ส่งใบสั่งซื้อสำเร็จ ภายใน 3 วัน
ผู้ขายมีหน้าที่ตอบกลับผู้ซื้อเกี่ยวกับคำขอคืน/คืนเงินดังกล่าว
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด
เป็นผู้รับผิดชอบในการพิจารณาคำขอคืน/คืนเงินของผู้ซื้อ ในกรณีที่ผู้ขายไม่สามารถแก้ไขคำขอคืน/คืนเงินของผู้ซื้อ
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ขอสงวนสิทธิ์ในการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับคำขอดังกล่าว
2.
สิทธิ์ของผู้ขายเกี่ยวกับนโยบายการคืนเงินและการคืนสินค้า
เมื่อผู้ขายได้รับคำขอคืน/ขอคืนเงินที่ไม่น่าพอใจจากผู้ซื้อ
(เช่น เปลี่ยนใจ ให้ข้อมูล/หลักฐานที่ไม่เป็นความจริง เป็นต้น)
ผู้ขายอาจปฏิเสธคำขอคืน/คืนเงินของผู้ซื้อ และควร แจ้ง บริษัท อีโค่ โมบี้
(ไทยแลนด์) จำกัด ของสถานการณ์นั้นๆ
หลังจากตรวจสอบข้อมูลจากผู้ซื้อและผู้ขายแล้ว หากพบว่าการปฏิเสธของผู้ขายมีเหตุผล
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด
จะแจ้งให้ผู้ซื้อทราบและคุ้มครองผลประโยชน์ของผู้ขาย
3.
เงื่อนไขการส่งคืน/การคืนเงินของผลิตภัณฑ์
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการส่งคืน/การคืนเงินของผลิตภัณฑ์
ในขณะที่ทำการขอคืน/คืนเงิน ผู้ซื้อไม่ควรคัดลอก สำรอง หรือเผยแพร่ผลิตภัณฑ์
หากคำขอคืน/คืนเงินของผู้ซื้อตรงตามเงื่อนไขการคืน/คืนเงินที่กำหนดไว้ในส่วนที่
1
ผู้ขายจะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นสำหรับกระบวนการคืน/คืนเงินระหว่างสองฝ่าย
(ถ้ามี)
4.
การคืนเงินสำหรับสินค้าที่ส่งคืน
ก. บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด จะคืนเงินให้ผู้ซื้อก็ต่อเมื่อผู้ซื้อตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้:
(1) ผู้ขายยืนยันด้วยการคืนเงิน
หรือ (2) ผู้ซื้อไม่ยอมรับข้อเสนอคืนเงินของผู้ขาย
หรือ (3) คำสั่งซื้อของผู้ซื้อมีสิทธิ์ได้รับ
การคืน/คืนเงินภายใต้ข้อ 2 และผู้ขายตกลงที่จะขอคืน/ขอคืนเงินของผู้ซื้อ
ในกรณีนี้คือ บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด
กำหนดจะคืนเงินให้ผู้ซื้อเมื่อผู้ซื้อได้คืนสินค้าให้กับผู้ขาย
ข. บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด
จะคืนเงินให้ผู้ซื้อโดยอัตโนมัติในกรณีที่ผู้ขายไม่ตอบกลับภายในระยะเวลาที่ระบุไว้ในส่วนที่
2
ค. ตามสถานการณ์ที่แตกต่างกัน
การคืนเงินจะถูกโอนไปยังบัญชีของผู้ซื้อ บัตรเครดิต/เดบิตที่ลงทะเบียนกับ บริษัท
อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด
ง.
สำหรับกรณีของการคืนเงินทันทีที่ผู้ขายร้องขอ
จำนวนเงินที่คืนจะได้รับการตกลงร่วมกันโดยผู้ขายและผู้ซื้อ แต่ต้องไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่าของผลิตภัณฑ์ที่มีการขอคืนสินค้า
5. การสื่อสารระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
สนับสนุนให้ผู้ซื้อติดต่อผู้ขายอย่างจริงจังเพื่อเจรจาและแก้ไขซึ่งกันและกันผ่านช่องทางการสื่อสารที่ให้ไว้บนเว็บไซต์เมื่อมีปัญหาใดๆ
ที่เกิดขึ้นจากการทำธุรกรรมระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
6. ข้อพิพาทระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
ในกรณีที่ผู้ซื้อและผู้ขายมีข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการขอคืนสินค้า/คืนเงิน
และไม่สามารถตกลงด้วยตนเองเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้น บริษัท อีโค่ โมบี้
(ไทยแลนด์) จำกัด จะจัดการกับข้อขัดแย้งดังกล่าวตามกระบวนการและข้อร้องเรียนบนเว็บไซต์
การรับประกัน
เว็บไซต์ https://th.passio.eco/เป็นเว็บไซต์ตัวกลางที่เชื่อมระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ
ดังนั้น บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด
ไม่มีนโยบายการรับประกันและการบำรุงรักษาสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการ
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับนโยบายการจัดหาผลิตภัณฑ์และบริการ
ผู้ขายแต่ละรายจะมี (หรือไม่) นโยบายการรับประกันและการบำรุงรักษาที่แตกต่างกัน บริษัท
อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ส่งเสริมให้ผู้ซื้อเรียนรู้เกี่ยวกับนโยบายของผู้ขาย
(ถ้ามี) ก่อนทำธุรกรรม
บริษัทและที่อยู่จริง
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์)
จำกัด ซึ่งดำเนินการเว็บไซต์ https://th.passio.eco/ เป็นเจ้าของและดำเนินการโดย
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท อีโค่ โมบี้
(ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งสามารถติดต่อได้ทางโทรศัพท์ที่ 06564291042 หรือทางอีเมลที่ parnerts@ecomobi.com
การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในการให้บริการ
บริษัท อีโค่ โมบี้ (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ดำเนินการเว็บไซต์ https://th.passio.eco/ เว็บไซต์] ขอสงวนสิทธิ์ในการปรับปรุงข้อกำหนดในการให้บริการนี้ได้ตลอดเวลา เราสนับสนุนให้ผู้ใช้ตรวจสอบหน้านี้บ่อยๆ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงเพื่อรับทราบ คุณรับทราบและยอมรับว่าเป็นความรับผิดชอบของคุณที่จะต้องตรวจสอบข้อกำหนดในการให้บริการนี้เป็นระยะๆ และรับทราบถึงการเปลี่ยนแปลง